หมวดหมู่: การเที่ยวชมสถานที่
ฟูกิดาชิพาร์ค (Fukidashi Park)
การเข้าชม | ฟรี |
เวลาเปิด-ปิด | เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง |
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ | 011-3642-2111 http://www.town-kyogoku.jp/kanko-event/fukidashi-park/ |
หมายเหตุ | จุดท่องเที่ยว มีที่จอดรถ บ่อน้ำพุร้อน ซากุระ พื้นที่ปิกนิก วิ่งจ็อกกิ้ง ร้านอาหารในสวนสาธารณะ ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น จุดถ่ายรูป |
ที่ตั้ง/การเดินทาง | สวนฟุกิดาชิอยู่ทางด้านตะวันตกของภูเขาไฟโยเท. อยู่ระหว่างเขตพื้นที่คุตชานและคิโมเบ็ตสึ และใช้เวลาขับรถ 90 นาทีจากซัปโปโร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 276 แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทาง 784 45 Kawanishi, Kyogoku Town, Abuta District, Hokkaido 044-0131 |
ฟุกิดาชิพาร์ค (Fukidashi Park) เป็นสวนสาธารณะที่สวยงามและเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับการผ่อนคลาย ซึ่งมีพื้นที่ตั้งอยู่ริมภูเขาโยเท สิ่งที่ทำให้อุทยานแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวรวมถึงคนในท้องถิ่นก็คือ ที่นี่จะมีน้ำที่บริสุทธิ์ซึ่งไหลไปตามลำธาร สายน้ำเย็นที่ไหลลงมาจากภูเขาโยเท( Mt.Yotei) ซึ่งผู้คนสามารถนำภาชนะเพื่อเก็บน้ำสะอาดนี้ไปใช้ในการดื่มหรือนำกลับบ้าน ซึ่งจะมีบริการขายขวดเติมน้ำอยู่ภายในสวนสาธารณะสำหรับคนที่ไม่ได้นำภาชนะสำหรับเก็บน้ำไปด้วย น้ำที่สะอาดนี้ได้ไหลผ่านไปลำไม้ที่วางเรียงรายเพื่อให้น้ำไหลผ่าน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นที่ต่างเข้าแถวเพื่อนำเอาน้ำแร่ธรรมชาตินี้กลับบ้านไปด้วย (ซึ่งในบางช่วงสวนสาธารณะแห่งนี้จะมีผู้คนจำนวนมาก) อย่างไรก็ตามด้วยสถานที่ที่กว้างขวาง และต้นไม้ที่ขึ้นอยู่เรียงรายและทางเดินมากมายเชิญชวนให้ผู้คนเดินทางมาเยี่ยมเยียนและพักผ่อนหย่อนใจไปกับความเงียบสงบ หินที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและลำธารที่น่ารื่นรมย์ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเป็นฉากหนึ่งจากภาพยนตร์แฟนตาซีที่มีคุณอยู่ในนั้นเลยทีเดียว
สำหรับทางเข้าและที่จอดรถอยู่ทางด้านบนของสวน ที่นี่มีทุ่งหญ้าสีเขียวขจีและสนามเด็กเล่นสำหรับใครที่มีเด็กๆ ก็จะเป็นโอกาสที่ดี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณจะได้พบการสวนดอกซารุกะที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวนสาธารณะซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีกระท่อมไม้ซุงขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ถัดไปจากลาดจอดรถ ซึ่งทำหน้าที่เป็นร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร ตามเส้นทางที่คดเคี้ยวมากมาย คุณจะได้พบกับสวนสวยที่มีประดับประดาไปด้วยรูปปั้นหินอยู่ท่ามกลางต้นไม้ ด้านล่างที่จุดรวบรวมน้ำ จะมีทะเลสาบขนาดเล็กพร้อมร้านอาหารสำหรับรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งคุณสามารถรับประทานอาหารไปพร้อมๆ กับการชมวิวลำธาร สวนฟุกิดาชินั้นมีความงดงามในทุกช่วงฤดูกาล และมีน้ำแร่ธรรมชาติที่ใสสะอาดและให้ความสดชื่น ดังนั้นถ้าหากคุณมีโอกาสได้เป็นเยี่ยมชมที่นี่ อย่าลืมนำภาชนะใส่น้ำของคุณไปด้วย!
โบสถ์คาทอลิกคุตชาน (Kutchan Catholic Church)
ข้อกำหนด | การเข้าชมฟรี |
เวลาเปิด-ปิดทำการ | เวลาอาจแตกต่างกันออกไป |
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ | 011-3622-1099 |
หมายเหตุ | เป็นโบสถ์คาทอลิก มีบริการที่จอดรถ |
สถานที่ตั้ง /วิธีการเดินทาง | โบสถ์ตั้งอยู่ใจกลางคุตชาน ใช้เวลาเดิน 13 นาทีจากสถานีคุตชาน สามารถเข้าถึงได้จากเส้นทาง 276 ซึ่งไหลผ่านใจกลางเมือง 1 Chome Kita 5 Jonishi, Kutchan, Abuta District, Hokkaido 044-0055 |
เมืองฮอกไกโดไม่ได้มีแต่เพียงศาลเจ้าชินโตและวัดทางพุทธศาสนาที่สามารถพบเห็นทั่วไปเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีโบสถ์ที่ผู้คนสามารถปฏิบัติตามความเชื่อของตนได้ เมืองเล็ก ๆ หลายแห่งไม่มีโบสถ์ แต่ที่คุตซาน(Kutchan) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่กว่า จึงมีการตั้งโบสถ์ทาคอลิกคุตชานซึ่งถือเป็นโบสถ์หลังของที่นี่ สถานคริสตจักรแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นดินขนาดใหญ่ และประกอบไปด้วยอาคารไม่กี่หลัง ซึ่งในจำนวนอาคารเหล่านี้หลังหนึ่งได้ถูกใช้เป็นโรงเรียนอนุบาลด้วย สำหรับเวลาเปิดทำการของโบสถ์ คือในวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. สำหรับในช่วงฤดูร้อน และในช่วงฤดูหนาว เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาสำหรับการเดินทางไปเยี่ยมชมหรือทำกิจกรรมกับสถานที่แห่งนี้ แนะนำให้โทรสอบถามก่อนล่วงหน้า เนื่องจากบางครั้งเวลาในการเปิดอาจแตกต่างกันออกไป
โบสถ์แห่งนี้มีที่จอดรถขนาดเล็กสำหรับผู้ที่ขับรถเข้ามา ในช่วงเดือนฤดูใบไม้ผลิที่มีอากาศอบอุ่น มีต้นซากุระสองต้นใหญ่ที่ปลูกไว้ที่มีดอกบานสะพรั่งอยู่เต็มต้น สถานที่ตั้งของคริสตจักรมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากบริเวณภูเขาโยเท ภายในโบสถ์เป็นสถานที่ตั้งของรูปปั้นพระแม่มารีที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ รูปปั้นนี้ถูกวางไว้บนเนินเขาเล็กๆ ที่ล้อมรอบไปถ้วยเถาวัลย์ที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูร้อน ทำให้จุดนี้เป็นมุมถ่ายภาพที่ได้รับความนิยม สำหรับผู้ที่ขับรถมา สามารถเข้าถึงโบสถ์ได้อย่างง่ายดายจากถนนสายหลักที่ตัดผ่านเมืองคุตชาน สำหรับท่านที่เดินทางโดยบริการขนส่งสารธารณะ ก็มีความสะดวกสบายไม่แพ้กันเพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากหนัก หรือจะใช้บริการรถแท็กซี่ในช่วงฤดูหนาวก็ได้
หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower)
ค่าผ่านประตู | ผู้ใหญ่ ¥200 |
เวลาเปิดทำการ | 9:00- 17:00 ทุกวัน |
วันหยุดทำการ | มกราคม 1st - มกราคม 3rd |
ติดต่อสอบถาม | 011-231-0838 |
ข้อมูลเพิ่มเติม | - |
ตำแหน่งที่ตั้ง | Japan, 〒060-0001 Hokkaidō, Sapporo-shi, Chūō-ku, Kita 1 Jōnishi, 2 Chome 札幌市時計台 |
หอนาฬิกาซัปโปโรตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองซัปโปโรในพื้นที่สวนธารณะออโดริ (Odori park) โดยหอนาฬิกานี้ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1878 และได้มีการพัฒนาและเริ่มสร้างในช่วงปลายทศวรรษที่ 1860 ซึ่งทำให้หอนาฬิกาแห่งนี้ชื่อได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองซัปโปโร โดยผู้ที่ริเริ่มแนวคิดในการก่อตั้งหอนาฬิกาแห่งนี้ก็คือ ดร.จอห์น คลาร์ก ซึ่งเป็นรองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเกษตรซัปโปโรในเวลานั้น โดยหอคอยแห่งนี้ได้รับการออกแบบในสไตส์อเมริกัน โดยการสร้างเป็นห้องโถงเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกร่างกายและการฝึกทหาร และนอกจากนี้ที่นี่ยังใช้เป็นห้องโถงสำหรับสัมมนาต่างๆ อีกด้วย
[the_ad id=’4264′]
ในปัจจุบันหอนาฬิกาแห่งนี้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายและข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเกษตรในเมืองซัปโปโร และการพัฒนาของเมืองจากสมัยเริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน โดยถ้าหากเดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์นี้แห่งจะเห็นว่าจะมีการแบ่งห้องต่าง ๆ ออกเป็นห้องเพื่อใช้จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณที่หาชมได้ยาก หรือ การแสดงข้อมูลต่างๆ ที่นี่จึงเปรียบเสมือนหัวใจของเมืองซัปโปโรที่นักท่องเที่ยวมาที่นี่แล้วไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปชมเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและความเป็นมาของเมืองที่น่าสนใจนี้ได้ที่นี่ที่เดียวเลย เนื่องจากหอนาฬิกาซัปโปโรเป็นเหมือนไอคอนสำคัญของเมืองซัปโปโร จึงทำให้ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหรือชาวญี่ปุ่นเองเดินทางมาเยี่ยมชม พร้อมการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอย่างมากมาย
โดยทั้งนี้ในปีพ.ศ.2513 หอนาฬิกาซัปโปโรถูกยกให้เป็น ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม
(Cultural Cultural Property) และได้รับการรับรองว่าเป็นมรดกทางวิศวกรรมเครื่องกล ‘Mechanical Engineering Heritage’ ของญี่ปุ่นในปีพ. ศ.2552
อาคารโฮไฮกัน ( hoheikan building)
ค่าผ่านประตู | 300 เยนต่อคน 270 เยนต่อคน สำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป Free for junior high school students and younger |
เวลาเปิดทำการ | 9am – 5pm (last admission at 4:30pm) |
วันหยุดทำการ | Every second Tuesday of the month (or the following day if Tuesday falls on a holiday) |
ติดต่อสอบถาม | 011-211-1951 |
ข้อมูลเพิ่มเติม | - |
ตำแหน่งที่ตั้ง | 9 Chome-2-20 Kita 7 Jōhigashi, Higashi-ku, Sapporo-shi, Hokkaidō 065-8518, Japan. Catch a bus from number four station near the north exit of Sapporo Station. |
อาคารโฮไฮกัน (Hoheikan building) ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1879 และเปิดใช้งานขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2424 โดยได้เปิดเป็นโรงแรมสำหรับการมาเยี่ยมเยียนเมืองซัปโปโรของจักรพรรดิเมจิ ซึ่งในปัจจุบันจัดเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ซึ่งภายในตัวอาคารเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นั้นอาคารแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ที่สวนออโดริ (Odori) แต่ถูกย้ายไปยังสถานที่ของสวนสาธารณะนากิจิมะในปี 1958 อาคารทั้งหมดถูกสร้างและออกแบบให้เป็นสไตส์อเมริกัน แต่ระเบียงและส่วนพื้นที่ด้านหน้าของอาคารถูกสร้างขึ้นในสไตส์ยุโรป สถาปัตยกรรมทั้งหมดสื่อถึงยุคของจักรพรรดิเมจิช่วงต้น และการสร้างอาคารดังกล่าวใช้เทคนิคในการสร้างแบบดั้งเดิมทั้งหมด
อาคารโฮไฮกันถูกปลูกสร้างมาเพื่อใช้เป็นที่พำนักของจักรพรรดิเมจิซึ่งเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองซัปโปโรเป็นครั้งคราว โดยภายในจะมีการจัดแสดงวีดีโอเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของโฮไฮกัน นอกจากนี้อาคารโฮไฮกันซึ่งเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดยังเป็นที่นิยมในการใช้จัดงานแต่งงานในปัจจุบัน โดยมีร้านอาหารและคาเฟ่ตั้งอยู่ในอาคารซึ่งมีทั้งอาหารประเภทอาหารญี่ปุ่นและฝรั่งเศสบริการสำหรับแขกผู้มาเยี่ยมเยียน
ฤดูกาลชมดอกซากุระบาน (Cherry Blossom Viewing)
หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นและเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่สุดเมื่อพูดถึงประเทศที่สวยงามอย่างญี่ปุ่น คงหนีไม่พ้น ดอกซากุระ ซึ่งจะผลิดอกสีชมพูหรือบ้างก็สีขาวนวลทั้งต้นให้กลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นดอกไม้ที่นับได้ว่ามีความงามระดับชาติที่ทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะเดินทางไปชื่นชมจริงๆ กันสักครั้งหนึ่ง โดยประเทศญี่ปุ่นจะมีการจัดปประเพณีชมดอกซากุระบานทุกๆ ปี ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ฮันนา” (Hanami) หรือฮานามิซึ่งหมายถึงฤดูแห่งการชมดอกซากุระบาน เป็นประเพณีที่เริ่มต้นทำต่อต่อกันมาเป็นเวลานับ 1000 ปี แล้ว โดยสมัยก่อนจะมีการรับประทานอาหารหรือดื่มเหล้าสาเกในงานเลี้ยงสังสรรค์ใต้ต้นดอกซากุระที่กำลังเบ่งบาน และประเพณีนี้ก็ยังสืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ โดยจะมีการจัดบาร์บีคิว ปิกนิก รับประทานอาหารกลางวัน และการดื่มเบียร์หรือไวน์ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยใหม่ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยในประเทศญี่ปุ่นนั้น ดอกซากุระถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมฆ อันเนื่องมาจากลักษณะของการผลิบาน และถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความยั่งยื่นของธรรมชาติที่ไม่ย่อท้อของชีวิตอีกด้วย
หลายคนคงจินตการภาพของดอกซากุระสีชมพูอ่อนที่เราเห็นมาบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นในทีวี นิตยสารหรือ ตามเว็บไซต์ต่างๆ และอยากจะเห็นกับตาสักครั้งหนึ่งคงนับว่าเป็นความโชคดีไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วจะรออะไรมาทำความฝันให้เป็นจริงกันเถอะ! เริ่มแรกเราก็ต้องไปทำความรู้จักกับดอกไม้งามเหล่านี้เพิ่มขึ้นกันดีกว่า ว่าช่วงเวลาใดหรือที่ไหนที่เหมาะสำหรับการชมดอกซากุระที่สวยงามและดีที่สุดกันบ้างในเมืองฮอกไกโด
ดอกซากุระจะเริ่มผลิบานครั้งแรกในจังหวัดฮอกไกโดประมาณช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โดยในปกติจะอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่หนึ่งหรือสอง ดอกซากุระจะผลิดอกและบานสะพรั่งเป็นเวลาแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น โดยสัปดาห์ที่สองดอกซากุระจะบานสะพรั่งที่สุดและจะร่วงโรยไปในปลาย ๆ สัปดาห์ที่สอง โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีลมหรือฝนตกหนักในช่วงนั้นหรือไม่ ซึ่งหมายถึงลมและฝนอาจทำให้ดอกซากุระร่วงโรยก่อนเวลาอันควร
โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมดอกซากุบานได้หลายร้อยแห่งในจังหวัดฮอกไกโด แต่เราจะเลือกสรรค์จุดชมวิวที่สวยงามระดับต้นๆ สิบอันดับมานำเสนอกัน นั่นก็คือ
1) อุทยานมัตสึเมะ
เป็นจุมชมวิวที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดของ Japan Matsumaeโดยที่นี่ถือ เป็นสถานที่อันดับหนึ่งสำหรับการชมดอกซากุระของจังหวัดฮอกไกโด โดยจะมีต้นซากุระประมาณมากถึง 10,000 ต้น ตามทางเดินสองข้างทางจะเต็มไปด้วยดอกซากุระที่ผลิบานเต็มต้น ซึ่งมีความสวยงาม เหมาะสำหรับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และผักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก โดยที่นี่จะมีการจัดเทศกาล
มัตสึเมะซากุระ ขึ้นในช่วงของการชมดอกซากุระบาน โดยปกติจะเป็นช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงกลางเดือนพฤษภาคมของแต่ละปี โดยนอกจากที่นี่จะมีดอกไม้ที่แสนงดงามให้ชื่นชมแล้ว ยังมีวัดอีกหลายวัดที่มีความสวยงามไม่แพ้กันให้ชมและเข้าไปสักการะบูชาได้อีกด้วย
2) ฟอร์ทกอกอกิโกะ (Fort Goryokaku)
จุดชมวิวอีกแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโฮโกดาเตะ โกโยกากึ ( Hakodate Goryokaku) ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีลักษณะเป็นป้อมรูปดาว โดยสร้างขึ้นในปีสุดท้ายของยุคเอะโดะ สวนสาธารณะที่งดงามแห่งนี้มีต้นซากุระมากถึง 1,600 ต้น มีหอสังเกตการณ์สูงขนาด 107 เมตร
ที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชื่นชมและเพลิดเพลินไปกับความสวยงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง ในมุมสูงของป้อมปราการรูปดาวขนาดใหญ่ได้
3)สวนสาธารณะฮะโกะดะเตะ (Hakodate Park)
สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นที่นิยมสำหรับการชมดอกซากุระบานเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการปิคนิก
เล็ก ๆ หรือการจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกับครอบครัวและเพื่อนๆ คือสิ่งที่นิยมทำกันเป็นอย่างมาก และสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมา
รับประทานอาหารเย็น ที่นี่ก็ยังมีบริการร้านอาหารหลากหลายร้านริมถนนสองข้างทาง ซึ่งมีสวนน้ำพุที่สวยงาม พร้อมกับสนามเด็กเล่น และรวมไปถึงสวนสัตว์ขนาดเล็ก ๆ สำหรับสร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็ก ๆ โดยที่นี่จะพิเศษตรงที่นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมดอกซากุระบานได้แม้แต่ในยามค่ำคืนอีกด้วย
4) ถนนชิซาไน นิจุกเคน (Shizunai Nijukken Road)
ถนนแห่งนี้เป็นถนนที่ยังคงมีชื่อติดอันดับต้นๆ ที่ได้นับไว้ในจำนวน 100 อันดับ สำหรับประเพณีฮานามิ หรือประเพณีการชมดอกซากุระซึ่งถือเป็นสถานที่งดงามและได้รับความนิยมอีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น ถนนแห่งนี้มีความยาวประมาณ7 กิโลเมตรและกว้างถึง 36 เมตร สองฝั่งถนนเส้นนี้รวมถึงอุโมงค์ถูกรายรอบด้วยต้นซากุระจำนวนมากถึง 3000 ต้น ซึ่งมีการกล่าวกันว่า นี่เป็นถนนที่มีต้นซากุระที่ยาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่เมื่อคุณมาถึงสถานที่แห่งนี้ คุณจะพบเจอกับผู้คนจำไม่น้อยที่หลั่งไหลกันมากชมความงามของดอกซากุระสองข้างถนนแห่งนี้ การท่องเที่ยวเพื่อชื่นชมดอกซากุระที่นี่อาจจำเป็นต้องมียานพาหนะส่วนตัวเพื่อสะดวกในการเดินทางไปยังถนนชิซาไน นิจุกเคน พร้อมกับถ่ายภาพที่งดงามในช่วงอากาศกำลังสบาย ๆ กัน โดยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการชมดอกซากุระบานที่สุดจะเป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมนั่นเอง
5) สวนสาธารณะ มารุยามะ (Maruyama Park )
6) สวนสาธารณะ โมเอเรนูมะ (Moerenuma Park)
สวนสาธารณะแห่งนี้ได้รับการสร้างและออกแบบโดยประติมากรชาวญี่ปุ่น ชื่อ อิซามุ โนกุจิ โดยใช้เวลานานถึง 7 ปี ในการสร้างสวนแห่งนี้จนเสร็จสมบรูณ์ ที่นี่มีดอกไม้หลายชนิดให้ดู โดยดอกซากุระส่วนหนึ่งจะเรียกกัน ว่า ซากุระโมริ โดยที่สวนแห่งนี้มีต้นเชอร์รี่บลอสซัมจำนวนมากไม่แพ้สถานอื่น ๆ เลย โดยมีมากถึง 2300 ชนิด นอกจากนี้ที่นี่จะประกอบไปด้วยพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยลานหญ้าสีเขียวขจีสั้น ๆ เป็นบริเวณกว้างที่คุณสามารถปิกนิกและผ่อนคลายไปกับบรรยากาศและวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
7) สวนสาธารณะนากาจิมะ (Nakajima park )
สวนสาธารณะนากาจิมะ เป็นสวนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น สวนสาธารณะในเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุด 100 แห่งใน
ประเทศญี่ปุ่น โดยสวนแห่งนี้จะง่ายต่อการเดินทางจากใจกลางเมืองซัปโปโร ซึ่งสวนแห่งนี้ ความงามของธรรมชาติจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลซึ่งแน่นอนความงดงามของสวนแห่งนี้ก็ไม่แพ้ที่ใด เพราะที่นี่มีต้นซากุระ และต้นไม้ รวมถึงดอกไม้ชนิดอื่น ๆ มากมาย เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย เดินเล่น หรือ ปิคนิคได้เป็นอย่างดี เพราะมีพื้นที่เป็นลานที่กว้างขวาง ที่นี่อาจเป็นอีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะเข้าชมพร้อมการถ่ายรูปสวย ๆ เป็นที่ระลึก ไปอวด ๆ เพื่อนๆ กันให้หนำใจ
วัด ชูโอะ (Chuo Temple)
วัดชูโอะ เป็นวัดศาสนาพุทธที่ตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโร ในย่านซูซูกิโนะ (ย่านบรรเทิง) เป็นวัดที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก เมื่อเทียบกับวัดที่มีอยู่ในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้ว แต่วัดชูโอะ ก็ถือได้ว่าเป็นวัดที่ดีสำหรับการเข้าไปเยี่ยมชมและสัมผัสวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งพิเศษของวัดนี้ก็คงหนีไม่พ้นการสร้างประตูทางเข้าด้วยการสลักไม้อย่างปราณีตงดงามของผู้รักษาพระพุทธเจ้า ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น โดยผู้รักษาประตูทางเข้าของวัดแห่งนี้มีชื่อว่า นิโอะ หรือ คองโกริกิชิ โดยเป็นรูปแกะสลักของชายซึ่งมีรูปร่างใหญ่กำยำ ซึ่งก็คล้าย ๆกับวัดที่มีในประเทศญี่ปุ่นทั่วๆ ไป รวมถึงรูปแกะสลัก อะโยะ และ อันกิโยะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดและตายของทุกสิ่งทุกอย่างนั่นเอง
อีกอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาที่นี่แล้ว นั่นก็คือการเข้าคอร์สการฝึกอบรมการฝึกสมาธิ ซึ่งนั้นก็คือ การฝึกอบรม ซาเซน (zazen) ของชูโอจินั่นเอง ซึ่งเซนมีความหมายถึง ความเชื่อที่ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับจิตใจที่บริสุทธ์ผ่องใส และมีความสามารถที่ใช้ชีวิตที่เปิดกว้างได้ ทางวัดเปิดโอกาศให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่ต้องการเข้าชมวัดแห่งนี้ เข้าฟรีได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากท่านใดสนใจที่จะเรียน เซน(การนั่งสมาธิ)และการฝึกอบรมนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนท่านละ 500 เยน ซึ่งจะมีการเปิดชั้นเรียนให้ผู้ที่สนใจ ณ Temple Zazen Hall โดยจะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ซึ่งที่พิเศษกว่านั้นคือ พวกเขาจะมีการเสนอหลักสูตรซึ่งเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย โปรแกรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ไปจนถึงเที่ยงวัน ว่าไปแล้วก็ไม่เสียหายอะไรที่จะลองเรียนหลักสูตรใหม่ ๆ เหล่านี้ ซึ่งนอกเหนือจากความผ่อนคลายที่จะได้รับแน่นอนแล้ว อาจจะได้ทั้งเพื่อนใหม่ ประสบการณ์ใหม่ และได้เรียนรู้วัฒนธรรม ประเพนีที่น่าสนใจของคนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ซึ่งจะนำเอาช่วงเวลาต่างๆ ของการเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าวมาเสนออย่างคร่าว ๆ ดังนี้
ขั้นเริ่มต้น
8:20 น | การสอนซาเซ็น (สำหรับผู้มาใหม่) |
9:00 น | การเริ่มต้นของซาเซ็น |
9:30 น | การเดินสมาธิคินฮิน |
9:35 น | ฟังการพูดธรรมมะไทโชะ ขั้นที่สอง |
10:05 น | การเดินสมาธิ คินฮิน |
10:10 น | การสวดมนต์ ฟูกานซาเซนกิ |
10:20 น | ช่วงเวลาทำความสะอาดห้องซาเซ็น |
11:10 น | การดื่มชาและการอภิปราย |
11:50 น | เวลาการเรียน ซาเซนไกสิ้นสุดลง |